วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เรียงความ คำพ่อสอนกับชีวิตประจำวัน

ทุกคนต้องการความสุข ทุกคนต้องการแสวงหาความสุข
ในสังคมปัจจุบันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งบนพื้นฐานของการแข่งขัน ความเร่งรีบ เพื่อไห้ได้มาซึ่งความสำเร็จความก้าวหน้าของตนเอง และครอบครัว เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคม เพื่อการได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่นนั้น ในขณะเดียวกันนี้เองถ้าเรามองนึกย้อนกลับไปแล้วการที่จะทำสิ่งเหล่านี้นั้นต้องแลกมันมาด้วยอุปสรรค์ และที่สำคัญนั่นก็หมายความว่าถ้ามีอุปสรรค์รบกวนจิตใจเรานั้นก็แสดงว่าเรากำลังพบเจอกับความทุกข์นั่นเอง
พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนที่อยู่ในฐานะใด มีบรรดาศักดิ์มากเพียงใดแต่ไหน จะสูงต่ำ ดำขาว อย่างไรนั้น ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วนั้นย่อมต้องพบเจอกับมันทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีความทุกข์มากหรือน้อย ทั้งนี้เราจึงควรที่จะต้องทราบก่อนว่าเรื่องที่เรากำลังทุกข์ ทำให้เราไม่สบายใจนั้น ต้นเหตุแห่งทุกข์นั้นมาจากที่ใด มาจากความใคร่ ความต้องการ การโหยหาที่ทางพุทธศาสนาเรียกว่า กิเลศ
วิถีทางที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากการเกิดทุกข์นั้น หรือหลุดพ้นเมื่อมีความทุกข์ก็คือ “การทำบุญ ” การทำบุญที่ได้กล่าวถึงในที่นี้นั้น เราสามารถกระทำได้เป็นขั้นๆตั้งแต่ต้น สามารถทำได้อย่างเล็กๆน้อยๆจนถึงทำให้จิตใจของตนเองนั้นมีความสุข พ้นจากการเป็นทุกข์ ในการทำบุญในที่นี้นั้น คนอื่นไม่ทราบไม่เป็นไร มองไม่เห็นไม่เป็น เมื่อเราได้ทำ นั่นก็จะส่งผลให้เรามีความสุข ความสุขที่ว่านั้น อาจไม่ใช่ความสุขทางกาย แต่น่าจะเป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้ทางใจ
ผู้คนส่วนใหญ่ที่จิตใจประสบและพบเจอกับการเกิดและเป็นทุกข์นั้นยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าทุกข์ที่ว่านั้นเกอดได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญานั้น จะทราบว่าเกิดได้อย่างไร อาธิเช่น เราเป็นคนที่เรียกได้ว่าสร้างทุกข์ของเรานั้นขึ้นมาเอง ดังนั้นการแก้ปัญญาหาก็คือ การไม่สร้างความทุกข์เพิ่มมาอีก ซึ่งข้อสำคัญก็คือตรงนี้เอง การที่เราจะทำลายความทุกข์ที่มันได้เกิดขึ้นมาแล้วนั้น มันเป็นเรื่องที่เรานั้นทำได้ยากมาก เว้นเสียแต่ว่าเราจะต้องไม่เป็นผู้สร้างมันให้มากขึ้นไปกว่าเดิม และถ้าเรานั้นไม่ทำความทุกข์ให้เกิดขึ้นมาเพิ่ม นั่นก็จะหมายความว่าตัวของเราก็จะมีความสุข และจิตใจของเราก็จะผ่องใสตามไปด้วย
การทำบุญอีกอย่างหนึ่งที่ กำลังจะกล่าวถึงก็คือ “การทำจิตใจให้สุจริต” คือหมายความว่าในการทำสิ่งใดนั้นต้องไม่ก่อ ไม่สร้าง ความเดือดร้อนให้กับตนเอง และผู้อื่น แต่ในทางกลับกันนั้นต้องบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนอื่น และนั้นก็ได้หมายความว่า เรานั้นกำลังทำบุญ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การทำบุญขั้นกว่า เพราะว่าผู้ที่จะกระทำนั้นได้นั้น จะต้องกระทำจากการมีสุจริตทั้งกาย สุจริตทั้งใจ และสุจริตทางการแสดงออกหรือที่เราเรียกกันว่า การมีสุจริตทางการกระทำ
และนั่นก็สามารถที่จะหมายความว่า เมื่อการทำความดีส่งผลไปถึงการทำให้จิตใจผ่องใส ไม่หมองเศร้าแล้ว ก็จะสามารถทำให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น เมื่อสุขภาพจิตแข็งแรงขึ้น ดีขึ้นแล้ว นั่นก็หมายความว่าเรา กำลังจะหมดสิ้น และปราศจากความทุกข์ เมื่อเราทำอะไรที่สุจริตดีแล้ว ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้นได้ยาก และเมื่อสิ่งที่เราเรียกกันว่า ความทุกข์ เกิดได้ยากแล้ว ไอ้ตัวความทุกข์เก่าๆที่มันมีอยู่ในตัวเรานั้น มันก็จะค่อยๆหมดสิ้นลงในที่สุด
คนทุกคนที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้นั้น ย่อมมีพื้นฐานและที่มาที่แตกต่างกัน นั่นก็หมายความว่า ทุกคนต้องมีความทุกข์ที่ต่างกัน ดังนั้นการที่เราเป็นคนสร้างมันขึ้นมา คนที่จะเป็นผู้ยุติมันก็คือ ตัวเรา และเมื่อเราจบมันได้แล้วคนที่จะมีความสุขที่สุดก็คือ ตัวเรา และความสุขที่ยั่งยืนก็คือ “การมีความสุขที่เกิดขึ้นด้วยใจ”

สัปดาห์ที่ 7 สรุป mind mapping ในรูปแบบของตนเอง


วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552